ในยุคฟุตบอลสมัยใหม่ การครองบอลเป็นเหมือนดาบสองคม ถ้าทีมไหนครองบอลได้เหนือกว่า ก็เหมือนเป็นผู้ควบคุมจังหวะเกม ยิ่งครองบอลได้นาน โอกาสยิงประตูก็มีมากขึ้น แต่รู้มั้ย? หลายคนเข้าใจผิดว่าครองบอลเยอะแล้วจะชนะเสมอ ความจริงไม่ใช่เลย! มีหลายเกมที่ทีมครองบอลเหนือกว่าแทบจะตลอดทั้งเกม แต่สุดท้ายกลับแพ้เพราะโดนสวนกลับแบบจัง ๆ จนเสียประตูแบบงง ๆ แล้วคุณรู้มั้ยว่าทีมไหนได้ฉายา ‘ราชาครองบอล’ หรือทีมที่มี สถิติครองบอลสูงสุด ในโลก? แน่นอนว่าหลายคนคงนึกถึงทีมดังระดับโลกกันอยู่แล้ว แต่ที่เซอร์ไพรส์กว่านั้นคือ มีหลายทีมที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักแต่ดันติดโผมาด้วย น่าตกใจใช่มั้ยล่ะ? วันนี้เราเลยจะพาไปดู 10 ทีมที่ครองบอลเก่งที่สุดในโลก บางทีมก็เดาออก แต่บางทีม… บอกเลยว่าต้องร้อง “อ้าว!” แน่นอน
ทีมที่ครองบอลเป็นเอกลักษณ์ – สไตล์ที่กำหนดยุคสมัย
การครองบอลไม่ใช่แค่กลยุทธ์ แต่เป็นเอกลักษณ์ของทีม
ใครที่คิดว่าฟุตบอลแค่วิ่งไล่เตะบอลกันไปมา คิดใหม่ได้เลย! มันคือศิลปะชั้นสูงที่ซ่อนอยู่ในทุกจังหวะ พูดง่ายๆ ทีมไหนครองบอลได้เหนือกว่า ก็เหมือนเป็นเจ้าในสนาม ไม่ต้องคอยตั้งรับให้เมื่อย แต่กลับเป็นฝ่ายบีบคู่แข่งให้วิ่งไล่บอลจนเหนื่อย เกมแบบนี้นอกจากจะช่วยลดโอกาสเสียประตูแล้ว ที่เจ๋งสุดคือ การได้เปรียบครองบอลบ่งบอกความเป็นตัวตนของทีมชัดมาก ลองดูพวกทีมที่มีปรัชญาการเล่นชัดเจนสิ เขาจะส่งต่อสไตล์นี้จากรุ่นสู่รุ่น จนใครเห็นก็ต้องบอกว่า “อ๋อ! นี่มันทีมนี้นี่เอง!”
บาร์เซโลนา และ Tiki-Taka – จ่ายกันให้ตายไปข้าง!
ถ้าพูดถึงทีมที่ทำให้โลกจดจำการครองบอล ไม่มีใครเกิน บาร์เซโลนา ระบบ Tiki-Taka ไม่ได้เกิดขึ้นแค่เพราะโค้ชเก่ง แต่มันคือ “วัฒนธรรม” ของสโมสร ที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ ใน ลา มาเซีย อคาเดมีระดับโลกที่สร้างนักเตะเวิลด์คลาสมามากมาย ตั้งแต่ยุค โยฮัน ครัฟฟ์, เป๊ป กวาร์ดิโอลา, ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรส อิเนียสต้า และแน่นอน ลิโอเนล เมสซี
Tiki-Taka ไม่ใช่แค่การจ่ายบอลไปมาแบบไร้จุดหมายนะครับ แต่เป็นกลยุทธ์ “เกมบีบพื้นที่” ทีมที่เจอระบบนี้จะเหมือนโดนกดให้ต้องวิ่งตามบอลทั้งเกม จ่ายเร็ว เคลื่อนที่ไว กดดันให้คู่แข่งพลาด แล้วพอถึงจังหวะที่ใช่… แทงทะลุช่องไปจบสกอร์แบบเฉียบขาด บาร์ซ่าที่แท้จริงคือแบบนี้! และนี่คือเหตุผลที่บาร์ซ่ากลายเป็นหนึ่งในทีมที่ถูกจดจำมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับการครองบอลที่เปลี่ยนเกม
บาร์ซ่าอาจเป็นต้นฉบับ Tiki-Taka แต่แมนซิตี้ยุคเป๊ปนี่สิ เรียกว่าเอาไปต่อยอดจนสุดๆ! ไม่ใช่แค่ผ่านบอลไปมาเฉยๆ แต่ทุกจังหวะที่ได้บอลนี่คือโหมดโจมตีเต็มสูบ พวกเขามีแผนชัดเจนว่าต้องทำไง กองหลังต้องแม่นๆ หน่อย กองกลางต้องขยันวิ่ง แบ็คต้องดันขึ้นไว และกองหน้าต้องหาที่ว่างตลอด
เป๊ปไม่ได้สนใจแค่ว่าจะครองบอลให้ได้ 70-80% หรอกนะ แต่เขาอยากให้ทุกวินาทีที่ซิตี้ได้บอลเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะถล่มคู่แข่ง ลองถามพวกลิเวอร์พูล เชลซี หรือเรอัลดูสิ เจอ “เครื่องจักรครองบอล” ของซิตี้เข้าไป รู้เลยว่าพลาดนิดเดียวโดนเด้งแน่ๆ นี่แหละ การครองบอลที่พัฒนาไปอีกขั้น ที่น่าสนใจคือ การที่บาร์ซ่ากับแมนซิตี้สร้างสไตล์ของตัวเองได้ มันเหมือนกับ วิวัฒนาการเสื้อทีมชาติ เลยนะ ที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย เสื้อแข่งแต่ละทีมบอกเล่าเรื่องราวและตัวตนของพวกเขา เหมือนกับสไตล์การเล่นที่บ่งบอกว่านี่คือทีมไหน ยิ่งทีมไหนมีเอกลักษณ์ชัดเจน ยิ่งอยู่ในความทรงจำคนดูได้นาน!
สถิติครองบอลสูงสุด = ชนะเสมอไปหรือไม่?
วงการแข้งหนังฃน่าทึ่งตรงที่ไม่มีสูตรตายตัวครับ จะว่าไปแล้ว การครองบอลเยอะๆ ก็ดีนะ ทีมได้ควบคุมเกม จังหวะการเล่นเป็นใจ แต่รู้มั้ย? สุดท้ายแล้วฟุตบอลไม่ได้นับกันที่ว่าใครครองบอลเยอะกว่า แต่นับกันที่ประตู บางทีมอาจจะเล่นสวยจนแฟนบอลปรบมือรัวๆ แต่ถ้าเอาบอลเข้าประตูไม่ได้ซักลูก ก็เท่านั้นแหละ
สถิติครองบอลสูงสุด แต่ไร้ประสิทธิภาพ = โอกาสที่เสียเปล่า
ลองนึกภาพทีมที่ครองบอลได้ถึง 70-80% ตลอดเกม ค่อยๆ ต่อบอลไปเรื่อยๆ ไล่กดดันคู่แข่ง แต่สุดท้ายหาโอกาสจบสกอร์ไม่ได้ พอพลาดแค่ครั้งเดียว คู่แข่งสวนกลับแล้วลงโทษทันที นี่คือความจริงของฟุตบอลที่เกิดขึ้นมานับไม่ถ้วน ทีมที่เล่นด้วยสไตล์ครองบอลต้องมั่นใจว่าทุกการจ่ายบอลมีเป้าหมาย และต้องมีนักเตะที่สามารถ “ปิดบัญชี” ได้เมื่อถึงเวลาสำคัญ
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ทีมชาติสเปนในฟุตบอลโลก 2018 พวกเขาครองบอลได้มากที่สุดในทัวร์นาเมนต์ เฉลี่ยสูงถึง 74% ต่อเกม ใช้การจ่ายบอลสั้นอย่างแม่นยำเพื่อรักษาความได้เปรียบ แต่ปัญหาคือพวกเขาขาด “ทีเด็ด” ในจังหวะสุดท้าย สุดท้ายต้องจอดที่รอบ 16 ทีมสุดท้าย หลังแพ้ให้กับรัสเซียด้วยการดวลจุดโทษ แม้จะครองบอลมากกว่าคู่แข่งแบบขาดลอย แต่พอถึงเวลาต้องตัดสินเกมจริงๆ พวกเขาไม่มีความเฉียบขาดพอ
เกมนัดชิงที่ทีมครองบอลเหนือ กว่าแต่ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เกิดขึ้นในระดับทีมชาติ แต่ในระดับสโมสรเองก็มีตัวอย่างมากมาย หนึ่งในเกมที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ รอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ปี 2012 เชลซี พบกับ บาเยิร์น มิวนิก
ในเกมนั้น บาเยิร์นครองบอลมากกว่า 64% สร้างโอกาสยิงได้มากกว่า 30 ครั้ง เทียบกับเชลซีที่มีโอกาสยิงเพียงไม่กี่ครั้ง แต่สุดท้ายเป็น เชลซีที่คว้าแชมป์ หลังจากเสมอกัน 1-1 ในเวลาปกติและดวลจุดโทษเอาชนะไปได้ ความแตกต่างของเกมนี้คือ “ความเด็ดขาด” บาเยิร์นสร้างโอกาสได้มากก็จริง แต่ขาดความเฉียบคมในการจบสกอร์ และสุดท้ายโดนลงโทษจากลูกโหม่งของดร็อกบาในช่วงท้ายเกม เห็นไหมครับว่า เกมนัดชิงในความทรงจำ มีหลายเกมที่ทีมที่ครองบอลเหนือกว่ากลับพลาดแชมป์ เพราะพวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนเปอร์เซ็นต์การครองบอลให้เป็นประตูได้จริงๆ
ทีมที่ครองบอลน้อยแต่คว้าชัย เพราะใช้โอกาสอย่างมีประสิทธิภาพ
ในทางกลับกัน มีหลายทีมที่ไม่ได้ครองบอลเยอะแต่กลับทำผลงานได้ดีมาก พวกเขาใช้แท็กติก “รอสวนกลับ” (Counter Attack) ที่แม้จะครองบอลน้อย แต่รอจังหวะโต้กลับแบบคมๆ เอาให้เข้าเต็มๆ ยกตัวอย่างเคสที่ชัดมากๆ คือ อินเตอร์ มิลาน ของมูรินโญ่ในปี 2010 ตอนเจอบาร์ซ่าในรอบรองฯ แชมเปียนส์ลีก บาร์ซ่าครองบอลแทบจะทั้งเกม 70% แต่สุดท้ายอินเตอร์เอาชนะไปได้ 3-2 ผ่านเข้าชิงและคว้าแชมป์ไปครอง ด้วยการเล่นเกมรับที่แน่นปึ้กและจังหวะสวนกลับที่แม่นยำ
ขอบอกเลย! ครองบอลเยอะไม่ได้แปลว่าจะชนะเสมอไปนะ
จริงๆ แล้วการครองบอลก็แค่ทำให้เราคุมเกมได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าไม่มีลูกจบที่แม่นๆ ก็เท่านั้นแหละ เหมือนเตะบอลไปมาเฉยๆ ไร้ความหมาย ทีมที่เก่งจริงๆ ไม่ใช่แค่ครองบอลเป็น แต่ต้องรู้จังหวะว่าเมื่อไหร่ควรจะยิง เมื่อไหร่ควรจะจบ การครองบอลก็แค่วิธีการเล่นแบบนึงเท่านั้นเอง สุดท้ายแล้ว ที่สำคัญคือใครยิงเข้ามากกว่ากัน นี่แหละเหตุผลว่าทำไมบางทีมครองบอลน้อย แต่พอได้โอกาสปุ๊บ จบปั๊บ เลยชนะได้บ่อยๆ
เคาะ 10 อันดับทีมที่มี สถิติครองบอลสูงสุด ในโลก
ฟุตบอลยุคนี้ การครองบอลไม่ใช่แค่การส่งบอลไปมาหรือถือครองบอลไว้เฉยๆ แต่เป็น “อาวุธ” ที่ช่วยให้ทีมคุมเกม กดดันคู่แข่ง และสร้างโอกาสให้เกิดขึ้นตลอด 90 นาที ทีมที่ครองบอลได้มากกว่ามักเป็นทีมที่สามารถควบคุมจังหวะของเกม และบังคับให้ฝ่ายตรงข้ามต้องเล่นตามเกมของพวกเขา
แต่เดี๋ยวก่อน! การครองบอลเยอะไม่ได้หมายความว่าจะชนะแน่นอน เพราะทีมที่เล่นด้วยแนวทางนี้ต้องมีทั้ง ความแม่นยำในการจ่ายบอล ความเฉียบคมในการจบสกอร์ และนักเตะที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์เกมรุก ถึงจะเปลี่ยนเปอร์เซ็นต์การครองบอลให้เป็นชัยชนะได้ วันนี้ผมได้สรุป 10 ทีมที่มีสถิติครองบอลสูงสุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีทีมใหญ่ๆ ที่คุ้นเคยกันดีแน่นอน แต่บางทีมที่ติดโผนี่บอกเลยว่าเซอร์ไพรส์แฟนบอลแน่นอน!
ทีมที่ได้ สถิติครองบอลสูงสุด ในลีกใหญ่ของยุโรป
1. แมนฯ ซิตี้ (61.1%) – พรีเมียร์ลีก 2024/25
ถ้าผมให้เลือกทีมที่ “ครองบอลเป็นเล่นเป็น” ในพรีเมียร์ลีก… แมนฯ ซิตี้ คือคำตอบ! ทีมนี้คือเครื่องจักรครองบอลที่เป๊ป กวาร์ดิโอลาปั้นมาตั้งแต่ปี 2016 แบบไม่มีวันหมดแบตเตอรี่! ความเจ๋งของซิตี้คือ การจ่ายบอลสั้นแบบไม่ยอมเสีย แถมผู้เล่นทุกคนเคลื่อนที่กันเป็นระเบียบ เหมือนโดนโปรแกรมมาแล้ว! เดอ บรอยน์ กับ โรดรี้ คือคู่หูมิดฟิลด์ที่คอยจ่ายทีเด็ดให้กองหน้าแบบไม่มีสะดุด แถมเซ็นเตอร์แบ็คอย่าง ดิอาส กับ สโตนส์ ยังเล่นบอลกับเท้าได้คล่องปรื๋อ เริ่มเกมรุกจากแดนตัวเองได้อย่างเนียนๆ สรุปง่ายๆ เลย… คู่แข่งโดนซิตี้ลากให้วิ่งจนหอบ! บางเกมทนไม่ไหวจนต้องยอมจำนน เพราะแทบไม่ได้แตะบอลเลย แบบนี้ไม่ชนะก็แปลก
2. บาเยิร์น มิวนิก (60.5%) – บุนเดสลีกา 2023/24
“เสือใต้” บาเยิร์นคือทีมที่ ไม่ใช่แค่ครองบอล แต่ครองเกมแบบเหยียบคอ! พวกเขาทำให้ลีกเยอรมันดูง่ายเหมือนเล่นฟุตบอลในสวนหลังบ้านยังไงยังงั้น จุดเด่นอยู่ที่ การบุกเร็ว + เพรสซิ่งดุ! คิมมิช กับ โกเร็ตซ์ก้า คือสองนักเลงกลางสนามที่คอยจ่ายบอลฉกฉวยโอกาสให้กองหน้าแบบไม่ให้คู่แข่งตั้งตัว ส่วนกุนซือทูเคิลก็ไม่ธรรมดา… เขาปรับระบบให้ทีมเล่นได้ทั้ง บอลสั้นเนียนๆ และ บอลยาวจี๊ดๆ แบบตามสถานการณ์ บอกเลยว่า ถ้าบาเยิร์นลงสนามเมื่อไหร่ คู่แข่งเตรียมโดนบดขยี้จนใจเหลวใจแป้วไปเลยครับ
3. บาร์เซโลนา (60.2%) – ลาลีกา 2023/24
ถ้าพูดถึง “DNA การครองบอล” ต้องยกให้ บาร์ซ่า ทีมนี้คือต้นตำรับ Tiki-Taka แบบที่เคยทำให้ทั้งยุโรปขนลุกซู่! แม้ยุคนี้จะไม่สุดเหวี่ยงเหมือนสมัยเป๊ป แต่บาร์ซ่ายังคง เล่นบอลสั้นแบบเนียนๆ อยู่ดี! มิดฟิลด์อย่าง เดอ ยอง กับ เปดรี้ คือหัวหอกสำคัญที่คอยจ่ายบอลทะลุแนวรับ ส่วน กุนโดกัน คือผู้เล่นอัจฉริยะที่คอยสร้างจังหวะยัดเยียดให้คู่แข่ง แต่ความน่ากลัวของบาร์ซ่ายุคใหม่ คือการปลูกฝังดาวรุ่ง! นักเตะวัยใสอย่าง ยามาล กับ คูเบิร์ส ถูกปั้นให้เล่นบอลสั้นแบบไม่กลัวใคร แถมชาบียังพยายามดึงความคลาสสิกของทีมกลับมา งานนี้ลาลีกาต้องระวัง!
4. เรอัล มาดริด (58.9%) – ลาลีกา 2023/24
เรอัล มาดริดอาจไม่ใช่ทีมที่ครองบอลมากที่สุดในลาลีกา แต่พูดถึงเรื่องการใช้บอลให้คุ้มค่าละก็ “ราชันชุดขาว” เค้าเจ๋งสุดแล้ว! คาร์โล อันเชล็อตติ ไม่ได้สั่งให้ทีมครองบอลเพลินๆ เหมือนบาร์ซ่า แต่เน้นให้ทุกจังหวะมีความหมาย ทุกการเคลื่อนที่มีจุดหมาย ไม่มีอะไรที่ทำเล่นๆ
ดูอย่าง โครส กับ โมดริช สองจอมทัพกลางสนาม อ่านเกมแม่นจนน่ากลัว! แค่โดนบอลนิดเดียวก็เปลี่ยนจังหวะได้ทันที ไม่ได้ผ่านบอลไปมาให้สวยหรอก แต่ทุกจังหวะนี่คมกริบ แนวรุกก็ไม่ธรรมดา วินิซิอุส กับ โรดรีโก้ วิ่งเร็วจี๊ดจนแนวรับตามแทบไม่ทัน ส่วน คามาวิงก้า กับ ชูอาเมนี่ ก็เป็นตัวกลางที่แปลงร่างจากเกมรับเป็นรุกได้แบบไม่มีสะดุด แม้จะครองบอลน้อยกว่าบาร์ซ่า แต่มาดริดใช้บอลเฉียบขาดกว่าเยอะ! เน้นจังหวะเข้าทำที่แม่นยำ และการโต้กลับที่รวดเร็วจนคู่แข่งหัวหมุน พอได้บอลมาทีไร มีลุ้นยิงแทบจะทุกครั้ง นี่แหละที่เรียกว่าสไตล์มาดริดแท้ๆ
5. ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (58.5%) – ลีกเอิง 2023/24
ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เป็นทีมที่ใช้บอลได้อย่างมีศิลปะจริงๆ พวกเขาไม่ได้บุกแบบบ้าระห่ำ แต่ชอบค่อยๆ จัดการคู่แข่งด้วยการครองบอลแบบมีระบบ แดนกลางของทีมเต็มไปด้วยพ่อมดบอล อย่าง วาร์เรน ซาอีร์-เอเมอรี กับ วิตินญ่า สองคนนี้แหละที่เป็นตัวจักรสำคัญ ทำให้ทีมครองเกมได้เหนือชั้นกว่าทีมอื่นๆ ในลีกเอิง
แนวรุกก็ไม่ธรรมดา มี คีเลียน เอ็มบัปเป้ เป็นตัวพังประตู พร้อมวิ่งฉีกหนีแผงหลังคู่แข่งได้ตลอด ถึง ลิโอเนล เมสซี และ เนย์มาร์ จะย้ายออกไปแล้ว แต่เปแอสเชก็ยังเล่นได้ลื่นไหลเหมือนเดิม เพราะตอนนี้พวกเขาหันมาเน้นเล่นเป็นทีมมากขึ้น ไม่ได้พึ่งดาวดังคนเดียวเหมือนเมื่อก่อน ระบบเล่นของเปแอสเชตอนนี้สนุกมาก ผสมผสานระหว่างการครองบอลกับการบุกแบบคล่องตัว พวกเขาใช้บอลเปิดช่อง เคลื่อนที่หาพื้นที่ว่างแบบฉลาดๆ เพื่อหาจังหวะยิง ไม่ใช่แค่ครองบอลไปวันๆ แต่ต้องเอาไปแลกเป็นประตูให้ได้!
ทีมจากพรีเมียร์ลีกที่ครองบอลได้สุดยอด
พรีเมียร์ลีกนี่แหละลีกที่ดุเดือดที่สุดในโลก! และรู้มั้ย? ทีมที่ครองบอลเก่งๆ ในลีกนี้ไม่ได้แค่ผ่านบอลไปมาเฉยๆ นะ แต่พวกเขารู้จริงๆ ว่าจะใช้บอลยังไงให้ได้ประโยชน์สูงสุด บางทีมนี่เล่นสวยจนต้องยกนิ้วให้เลย แถมยังฉลาดพอที่จะใช้การครองบอลเป็นอาวุธ ทั้งบุกทั้งรับ ทำเอาคู่แข่งปวดหัวกันเลยทีเดียว
6. อาร์เซนอล (55.2%) – พรีเมียร์ลีก 2024/25
“ปืนใหญ่” อาร์เซนอลภายใต้การคุมทีมของ มิเกล อาร์เตต้า กำลังสร้างความฮือฮาในพรีเมียร์ลีก ด้วยสไตล์การเล่นที่ไม่ธรรมดา พวกเขาไม่ได้แค่ครองบอลไปวันๆ แต่รู้จริงๆ ว่าจะใช้บอลยังไงให้ได้เปรียบคู่แข่ง ทั้งตอนรุกและรับ ที่น่าทึ่งคือวิธีที่พวกเขาเริ่มเกมจากหลังบ้าน โดยมี ซาลิบา กับ มากัลเญส คอยจ่ายบอลเนียนๆ ขึ้นมา แถมยังมี เดแคลน ไรซ์ ที่เป็นเหมือนเครื่องจักรอยู่กลางสนาม หมอนี่ทั้งตัดบอลแม่น ทั้งจ่ายบอลเฉียบ เป็นตัวเชื่อมที่ขาดไม่ได้เลย ส่วนในแดนหน้า โอเดการ์ด กับ ฮาแวร์ตซ์ ก็เล่นลูกกลมๆ ได้สวย แม้จะอยู่ในพื้นที่แคบๆ ก็ยังหาทางออกเจอ ถ้าดูดีๆ อาร์เซนอลเล่นคล้ายๆ แมนฯ ซิตี้เลย พวกเขาชอบคุมเกมตรงกลางสนาม บีบคู่แข่งให้เล่นตามที่ต้องการ พอครองบอลได้ดี ก็ช่วยให้ป้องกันง่ายขึ้น และมีโอกาสทำประตูเยอะขึ้นด้วยง
7. ลิเวอร์พูล (58.0%) – พรีเมียร์ลีก 2024/25
ลิเวอร์พูลยุคนี้เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ จากทีมที่เคยขึ้นชื่อเรื่องเพรสซิ่งแบบบ้าคลั่งในยุคแรกๆ ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ตอนนี้พวกเขาฉลาดขึ้น รู้จักปรับสไตล์การเล่นให้ครองบอลมากขึ้น แต่ที่น่าทึ่งคือวิธีที่พวกเขาครองเกม มิดฟิลด์ตัวใหม่อย่าง แม็ค อัลลิสเตอร์ กับ โซบอสไล เข้ามาเติมเต็มได้ดีมาก ทั้งคู่เล่นบอลได้นิ่งมาก จ่ายบอลแม่น ทำให้ทีมควบคุมจังหวะได้ดีขึ้นเยอะ
ถึงยังชอบเล่นบุกเร็วๆ เหมือนเดิม แต่ตอนนี้ลิเวอร์พูลฉลาดกว่าเก่า รู้จักใช้ การครองบอล มาช่วยในเกมรับด้วย บางจังหวะที่จำเป็นก็ดึงจังหวะให้ช้าลงได้ ไม่ให้โดนสวนกลับง่ายๆ แถมยังมีตัวช่วยสำคัญอย่าง ฟาน ไดจ์ค ที่อ่านเกมเก่ง เริ่มเกมรุกจากหลังได้แม่นยำ ส่วน อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก็ขยับเข้ามาเล่นกลางสนามได้อย่างลงตัว พูดง่ายๆ คือลิเวอร์พูลยุคนี้เล่นได้หลากหลายขึ้นเยอะ ยังกดดันคู่แข่งได้ดุดันเหมือนเดิม แต่รู้จักควบคุมเกมด้วยบอลได้ดีขึ้น ทำให้ทีมดูสมดุลและน่ากลัวมากขึ้นไปอีก
8. เชลซี (59.9%) – พรีเมียร์ลีก 2023/24
เชลซีฤดูกาลนี้ขึ้นๆ ลงๆ จริงๆ แต่ตั้งแต่ โปเชตติโน เข้ามาคุมทีม ก็เห็นได้ชัดว่าทีมพยายามจะเล่นบอลให้สวยขึ้น เน้นครองบอลและควบคุมเกมมากกว่าเดิม ที่น่าสนใจคือเชลซีมีเด็กๆ ดาวรุ่งฝีเท้าดีเพียบ โดยเฉพาะตรงกลางสนามที่มีทั้ง เอ็นโซ่ กับ ไกเซโด้ สองคนนี้จ่ายบอลเนียน คุมจังหวะได้ดี ทำให้ทีมได้เปรียบคู่แข่งบ่อยๆ แถมยังมีแบ็คอย่าง เจมส์ กับ ชิลเวลล์ ที่ชอบวิ่งขึ้นเติมเกมรุก ช่วยให้ทีมเล่นบอลจากหลังขึ้นหน้าได้ลื่นไหล ส่วนแนวรุกก็มีตัวเลือกหลากหลาย ทั้ง พาล์มเมอร์ และ สเตอร์ลิง ที่เล่นได้หลายระบบ แม้ว่าจะยังมีปัญหาเรื่องยิงไม่ค่อยเข้าอยู่บ้าง แต่ต้องยอมรับว่าเชลซีกำลังค่อยๆ สร้างทีมที่เล่นบอลสวย ใช้การครองบอลเป็นอาวุธสำคัญในการคุมเกม
ทีมที่แฟนบอลอาจคาดไม่ถึง!
หลายคนคงคุ้นเคยกับทีมยักษ์ใหญ่อย่างบาร์ซ่า แมนฯ ซิตี้ หรือบาเยิร์น ที่ขึ้นชื่อเรื่องครองบอล แต่รู้มั้ย? มีทีมเล็กๆ จากลีกรองที่ครองบอลได้เหนือชั้นกว่าทีมดังๆ ซะอีก! เดี๋ยวเราจะพาไปรู้จักสองทีมสุดเซอร์ไพรส์ กองหน้าทำแอสซิสต์สูงสุด ที่สไตล์การเล่นไม่ธรรมดาเลยล่ะ
9. นอตส์ เคาน์ตี้ (58.8%) – ลีกทู 2023/24
นอตส์ เคาน์ตี้ คือทีมจากลีกทู (ลีกระดับ 4 ของอังกฤษ) ที่กลายเป็นทีมที่ครองบอลสูงสุดในลีกของพวกเขา และยังมีเปอร์เซ็นต์ครองบอลที่เหนือกว่าหลายทีมในพรีเมียร์ลีก! ฟังดูเหลือเชื่อใช่ไหม? แต่ความจริงก็คือ พวกเขาใช้แนวทางการเล่นแบบ “possession-based football” หรือการครองบอลเป็นหัวใจหลักของเกม
ทำไมทีมจากลีกล่างถึงครองบอลได้สูงขนาดนี้? คำตอบอยู่ที่แนวทางการเล่นของพวกเขา นอตส์ เคาน์ตี้ เน้นบอลสั้นและการเคลื่อนที่ตลอดเวลาเพื่อเปิดพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีม แทนที่จะเตะบอลยาวแบบทีมลีกล่างทั่วไป พวกเขาใช้การจ่ายบอลจากผู้รักษาประตูและแนวรับเพื่อค่อยๆ ต่อเกมขึ้นไป คล้ายกับสิ่งที่ทีมระดับท็อปอย่าง แมนฯ ซิตี้ ทำ
สถิติที่น่าสนใจของนอตส์เคาน์ตี้
นอตส์ เคาน์ตี้ ทำสถิติจ่ายบอลเฉลี่ยต่อเกมสูงสุดในลีกทู เลยนะ พวกเขาใช้ระบบ 3-4-3 ที่ทำให้คุมกลางสนามได้แน่นปึ้ก แต่ก็น่าแปลกอยู่เหมือนกัน ทีมที่ครองบอลเยอะขนาดนี้ กลับไม่ได้ยิงประตูถล่มทลายเท่าไหร่ เพราะพอเข้าเขตโทษทีไร มักจะจบสกอร์ไม่ค่อยเฉียบ ถึงอย่างนั้น ต้องยอมรับว่าสไตล์การเล่นของพวกเขาเจ๋งมาก จนหลายคนมองว่านี่แหละ โมเดลที่ทีมเล็กๆ น่าจะเอาไปเป็นแบบอย่าง ถ้าอยากเล่นบอลให้ดูมีคลาส
10. เลสเตอร์ ซิตี้ (61.2%) – แชมเปียนชิป 2023/24
หลังตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก เลสเตอร์ ซิตี้ ไม่ได้ทิ้งสไตล์การเล่นสวยๆ ไปไหน พวกเขากลับดึงตัว เอนโซ มาเรสก้า มือขวาคนสนิทของเป๊ป มาคุมทีม แล้วรู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น? เลสเตอร์กลายเป็นทีมที่ครองบอลเยอะที่สุดในแชมเปียนชิปซะงั้น! มาเรสก้าเอาสไตล์ “แมนฯ ซิตี้ แบบเลสเตอร์” มาใช้ เน้นเล่นบอลสั้น ต่อบอลจากหลัง วิ่งหาพื้นที่ว่างตลอด จนทีมอื่นในลีกต้องปวดหัว ลืมภาพเลสเตอร์ที่ชอบเตะบอลยาวหรือรอสวนกลับไปได้เลย ตอนนี้พวกเขาใช้การครองบอลเป็นอาวุธหลักในการไล่ล่าตั๋วกลับพรีเมียร์ลีก
จุดแข็งของเลสเตอร์ในฤดูกาลนี้
เลสเตอร์ ซิตี้ ซีซั่นนี้เล่นได้สุดยอดมากๆ ทำให้พวกเขาครองบอลได้เยอะที่สุดในแชมเปียนชิป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแดนกลางที่แน่นปึ้ก มี แฮร์รี วิงส์ กับ เคียร์แนน ดิวส์บิวรี-ฮอลล์ คอยคุมเกม แถมยังมีฟูลแบ็คที่ขึ้นเติมเกมรุกได้เหมือนแมนฯ ซิตี้เลย ทำให้เปิดเกมรุกได้หลากหลาย ที่น่าทึ่งคือ แม้จะไม่มีกองหน้าตัวเก่ง แต่พวกเขาใช้การครองบอลสร้างโอกาสยิงได้เยอะมาก ไม่ใช่แค่เตะไปมาเฉยๆ นะ แต่เป็นการครองบอลที่มีจุดหมายชัดเจน จนหลายทีมในพรีเมียร์ลีกยังต้องยอมรับในสไตล์การเล่นของพวกเขาเลยล่ะ
แนวรับสำคัญแค่ไหนกับทีมที่รักการครองบอล?
ใครที่คิดว่ากองหลังมีหน้าที่แค่เคลียร์บอลกับสกัดกั้นคู่แข่ง ต้องคิดใหม่แล้วล่ะ! เพราะในฟุตบอลยุคนี้ แนวรับกลายเป็น ตัวตั้งตัวตีในการเริ่มเกมรุก ไปซะแล้ว ลองดูทีมดังๆ สิ พวกเขาต้องมีกองหลังที่เล่นบอลเป็น จ่ายบอลแม่น ไม่ว่าจะเป็นบอลสั้นๆ ในแดนตัวเอง หรือจะเป็นบอลยาวๆ ข้ามสนามก็ตาม
ทำไมแนวรับถึงสำคัญนักกับการครองบอล?
ง่ายๆ เลย ถ้าอยากครองบอลให้ได้เยอะๆ กองหลังต้องกล้าเล่นกับบอล เพราะทุกเกมรุกเริ่มจากหลังบ้านทั้งนั้น ถ้ามีกองหลังที่จ่ายบอลดี ทีมก็จะเล่นสบายๆ ไม่เครียด ดูอย่าง รูเบน ดิอาส ของแมนฯ ซิตี้ หรือ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ของลิเวอร์พูล พวกเขาไม่ใช่แค่เก่งเรื่องสกัดบอล แต่ยังคุมเกมจากหลังได้เทพมากๆ
แนวรับแกร่ง = ครองบอลได้ดี จริงรึเปล่า?
จริงสิ! ลองคิดดู ถ้าแนวรับแน่นปึ้ก ทีมก็กล้าบุกเต็มที่ ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนยิง ดูอย่าง บาเยิร์น กับ เรอัล มาดริด สิ บุกดุเดือดแค่ไหน ก็เพราะมีแนวรับแข็งแกร่งที่สุดที่ไว้ใจได้นั่นแหละ พูดถึงกองหลังระดับโลก ต้องยกให้ มาร์กินโญส ของเปแอสเช จ่ายบอลเนี๊ยบมาก แล้วก็ รือดิเกอร์ ของเรอัล มาดริด ที่ชอบพาบอลขึ้นมาเองบ่อยๆ พวกนี้ไม่ใช่แค่เก่งเรื่องสกัดนะ แต่เป็นตัวสำคัญที่ทำให้ทีมครองบอลได้เหนือชั้นกว่าคู่แข่งเลยล่ะ
แนวรับสำคัญแค่ไหนกับการขึ้นเกม?
รู้มั้ยครับว่าทีมที่ครองบอลได้ดีๆ ส่วนใหญ่เริ่มต้นเกมรุกจากแนวหลังทั้งนั้น ถ้ามีเซ็นเตอร์แบ็คที่เลี้ยงบอลเก่ง จ่ายบอลแม่น ไม่ต้องเตะทิ้งบ่อยๆ ทีมก็จะครองเกมได้ยาวๆ อย่าง จอห์น สโตนส์ ของแมนฯ ซิตี้ เนี่ย บางทีก็แอบขึ้นไปเล่นกลางสนามซะงั้น ส่วน โรนัลด์ อเราโฮ ของบาร์ซ่า ก็เล่นบอลจากหลังได้สบายๆ เหมือนกัน
ครองบอลเยอะแต่ชนะไม่ได้! ก็เหมือนกับคนที่พูดเก่งแต่ทำงานไม่เป็นนั่นแหละ… น่าแปลกใจจริงๆ ที่บางทีมครองบอลได้เยอะแต่กลับยิงประตูไม่เข้าซักที ดูอย่าง แมนฯ ซิตี้ สิ เล่นสวยแค่ไหน ครองบอลเทพขนาดไหน สุดท้ายก็ต้องพึ่งฮาลันด์นี่แหละ ที่คอยซัดประตูให้ทีมได้แต้ม ส่วนเรอัล มาดริด นี่สิสุดยอด! ยอมให้เขาครองบอลเลย แต่พอได้จังหวะสวน… เชือดเฉือนคมกริบ ทีเดียวจบ! พูดง่ายๆ ว่าฟุตบอลไม่ใช่แค่เรื่องใครจะครองบอลได้นานกว่ากัน มันต้องมีทั้ง “จังหวะ” “ความแม่นยำ” และ “ความเฉียบคม” รวมกัน ครองบอลได้ก็ดีแล้ว แต่ถ้ายิงไม่เข้าก็เหนื่อยเปล่า! บางทีมครองบอลตั้ง 70% แต่สุดท้ายก็ได้แต่ส่ายหัว เพราะแพ้ซะงั้น นี่แหละที่เขาว่า “ฟุตบอลมันไม่มีสูตรสำเร็จหรอก!”
คำถามที่พบบ่อย
1. ทำไมทีมที่ครองบอลเยอะถึงได้เปรียบกว่า?
ง่ายๆ เลยครับ ทีมไหนครองบอลได้เยอะ ก็เหมือนเป็นเจ้าของเกม ได้เลือกว่าจะเล่นยังไง จะบุกตรงไหน แถมฝั่งตรงข้ามก็ต้องวิ่งไล่บอลจนเหนื่อย แน่นอนว่าโอกาสยิงประตูก็มีมากขึ้นด้วย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะชนะเสมอไปนะ ถ้าครองบอลอย่างเดียวแต่ยิงไม่เข้า ก็ไม่มีประโยชน์เหมือนกัน
2. แล้วทำไมบางทีมครองบอลเยอะแต่ยิงประตูไม่ค่อยได้?
เรื่องนี้น่าสนใจมากครับ การครองบอลมันแค่ส่วนหนึ่งของเกม สิ่งที่สำคัญกว่าคือ ต้องรู้จักจบสกอร์ให้เป็น บางทีมเล่นสวยจริง ครองบอลได้เพียบ แต่พอเข้าเขตโทษทีไร กลับจบไม่เฉียบ อย่างทีมชาติสเปนในบอลโลก 2018 ไง ครองบอลแทบทั้งเกม แต่พอถึงจุดสำคัญกลับทำอะไรไม่ถูก เลยจบไม่สวย
3. มีทีมไหนบ้างที่ครองบอลน้อยแต่ประสบความสำเร็จ?
มีเยอะเลยครับ อย่าง แอตเลติโก มาดริด กับ อินเตอร์ มิลาน เนี่ย เขาไม่สนครองบอลหรอก แต่รับแน่นมาก พอได้บอลก็โต้กลับฉับไว ยิงทีเข้าทีเลย แล้วก็มี เลสเตอร์ ซิตี้ ตอนคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกปี 2015/16 ด้วย ใครจะไปคิดว่าทีมที่แทบไม่ได้ครองบอลเลย จะมาคว้าแชมป์ได้ด้วย เจมี วาร์ดี คมจัดในปีนั้น แถมแนวรับก็แข็งแกร่งสุดๆ
4. ครองบอลเยอะแปลว่าต้องบุกตลอดเวลาเหรอ?
ไม่จำเป็นเลยครับ! บางทีมครองบอลเพื่อรักษาจังหวะเกม หรือแค่ไม่อยากให้คู่แข่งได้บอลไปด้วยซ้ำ เรียกว่าเล่น “เกมรับแบบครองบอล” ก็ได้ อย่าง แมนฯ ซิตี้ บางช่วงก็แค่จ่ายบอลวนไปวนมา เพื่อพักเกมบ้าง หรือกันไม่ให้โดนโต้กลับบ้าง ไม่ได้จะบุกอย่างเดียวตลอดหรอก