livescore878-23-กองหน้าทำแอสซิสต์สูงสุด-เปิดประวัติศาสตร์ตัวจ่ายลูกแห่งยุค-มีใครบ้าง--

กองหน้าทำแอสซิสต์สูงสุด เปิดประวัติศาสตร์ตัวจ่ายลูกแห่งยุค มีใครบ้าง?

สวัสดีแฟนบอลทุกคน กลับมาพบกันอีกแล้วครับ! วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องที่หลายคนอาจมองข้าม กองหน้าที่ไม่ใช่แค่ยิงประตู แต่คือคนที่สร้างเกมให้ทีม เพื่อนๆ เคยเห็นมั้ย? กองหน้าทำแอสซิสต์สูงสุด ที่ยิงประตูได้ไม่เยอะ แต่ดันเป็นคนที่ “จ่ายบอลเด็ด” ให้เพื่อนยิงจนทีมชนะ! นี่แหละคือเสน่ห์ของฟุตบอลยุคใหม่ ที่กองหน้าไม่ได้มีหน้าที่แค่ “รอจังหวะยิง” แต่ต้องเป็น “ตัวเชื่อมเกม” ที่ทำให้ทีมรุกได้ลื่นไหล!

ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุด คือ ลิโอเนล เมสซี ที่ไม่ใช่แค่ยิงประตูได้ แต่ยังจ่ายบอลแม่นยำจนเป็น “ราชันย์แอสซิสต์” ของวงการลูกหนัง! หรือ เธียร์รี อองรี ที่นอกจากจะเป็นจอมถล่มประตูแล้ว ยังเป็นคนที่สร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้อย่างเหลือเชื่อ! ในยุคนี้ก็มี แฮร์รี เคน ที่ไม่ใช่แค่ยิงประตู แต่ยังเป็น “เพลย์เมกเกอร์” ที่คอยจ่ายบอลให้เพื่อนยิง หรือ โธมัส มุลเลอร์ ที่เป็นสมองของเกมรุก บาเยิร์น มิวนิค! บทความนี้ผมจะพาไปเจาะลึก… กองหน้าที่ไม่ใช่แค่จอมถล่ม แต่คือ “ตัวปั้นเกม” ที่เปลี่ยนผลการแข่งขันได้ ทำไมกองหน้าที่จ่ายบอลเก่งถึงสำคัญกับฟุตบอลสมัยใหม่ และตัวอย่างนักเตะระดับตำนานที่พิสูจน์ว่า “การสร้างเกม” สำคัญไม่แพ้ “การยิงประตู” เตรียมตัวให้พร้อม… เพราะเรากำลังจะเปิดประวัติศาสตร์ของ “กองหน้าตัวปั้นเกม” ที่ทำให้ฟุตบอลสนุกและน่าติดตามมากขึ้น!


ตำนาน กองหน้าทำแอสซิสต์สูงสุด ตลอดกาล – ตัวปั้นเกมที่ไม่ได้มีดีแค่ยิง

ตำนาน กองหน้าทำแอสซิสต์สูงสุด ตลอดกาล – ตัวปั้นเกมที่ไม่ได้มีดีแค่ยิง

ในวงการลูกหนัง กองหน้าไม่ได้มีหน้าที่แค่ยิงประตูอย่างเดียวนะ! เหมือนกับร้านอาหารที่เชฟเก่งๆ ไม่ได้ทำแค่จานเด็ด แต่ยังต้องรู้จักปรุงรสให้เข้ากับทุกเมนู กองหน้าระดับตำนานหลายคนก็เป็นแบบนั้น พวกเขาไม่ได้เป็นแค่มือสังหารในเขตโทษ แต่ยังเป็น “พ่อครัวใหญ่” ที่คอยเสิร์ฟโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้กินเต็มคำ! ลองคิดดูง่ายๆ เหมือนเวลาเราเล่นเกมที่ต้องมีทั้งคนโจมตีและคนซัพพอร์ต กองหน้าพวกนี้เขาทำได้ทั้งสองบทบาทเลย บางจังหวะก็เป็นผู้ล่า บางจังหวะก็กลายเป็นผู้สร้างโอกาส จ่ายบอลเนียนๆ ให้เพื่อนยิงจนแฟนบอลต้องร้องว้าว! นี่แหละที่เขาเรียกว่า “กองหน้าครบเครื่อง” ยุคใหม่!

เธียร์รี อองรี – จอมทัพผู้สร้างตำนานทั้งประตูและการจ่ายบอล

ถ้าพูดถึง “ราชันย์อาร์เซนอล” ต้องนึกถึง เธียร์รี อองรี แน่นอน! ผมบอกเลยว่าเขา คือ “ต้นแบบกองหน้าตัวปั้นเกม” ของพรีเมียร์ลีกที่ครองใจแฟนบอลมาทุกยุค! แม้จะเป็นดาวยิงสูงสุดของทีมและทำลายสถิติมากมาย แต่เขายังเป็น “มือแจกแห่งฮายิบูรี” ที่จ่ายบอลให้เพื่อนยิงแบบเนียนๆ จนกลายเป็นตำนานของสโมสร

ฤดูกาล 2002/03 อองรีสร้างผลงานสุดยอดด้วยการทำ 24 ประตู + 20 แอสซิสต์ ในลีกเดียว นับเป็นสถิติที่ยากจะมีใครทำลาย! เขาไม่ใช่แค่ยิงสวยและทำประตูได้เยอะ แต่ยัง “ลากบอลจากแดนตัวเอง” ไปจ่ายให้เพื่อนยิงแบบจี๊ดๆ สร้างความประทับใจให้แฟนบอลไม่รู้ลืม เหมือนในเกมที่ปะทะสเปอร์สปี 2004 ที่เขาลากเดี่ยวผ่านกองหลังมาครึ่งสนาม! จังหวะ “แอสซิสต์หลังเท้า” สุดหรูของเขาที่จ่ายให้ร็อบเบิร์ต ไพเรส ในเกมดับเบิ้ลแชมป์ 2004 คือตัวอย่างคลาสสิกที่แฟนบอลพูดถึงจนถึงทุกวันนี้ เป็นการผสมผสานระหว่างความชาญฉลาดและความสร้างสรรค์ที่หาชมได้ยาก!

ในเกมนัดชิงในความทรงจำ อองรีก็ไม่เคยทำให้แฟนบอลผิดหวัง! เขาคือคนจ่ายบอลให้เดนนิส เบิร์กแคมป์ ยิงประตูชัยในนัดชิงเอฟเอคัพ 2005 ด้วยจังหวะการจ่ายบอลที่แม่นยำและสร้างสรรค์จนทำให้โลกต้องตะลึง ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของเขาในฐานะกองหน้าที่ครบเครื่องที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์!

เวย์น รูนีย์ – จอมถล่มที่แปลงร่างเป็นเทพแอสซิสต์!

“รูนีย์” คือตัวอย่างที่โดดเด่นของกองหน้าที่ “เลือดร้อนแต่สมองเย็น” ด้วยความสามารถพิเศษที่เล่นได้ทุกตำแหน่งในแนวรุก ตั้งแต่หน้าสุดจนถึงกองกลางตัวรุก! ตลอดช่วงเวลาที่อยู่แมนยูฯ เขาไม่เพียงแค่เป็น “หัวใจ” ของเกมรุก แต่ยังเป็นสมองที่คอยคิดและสร้างสรรค์โอกาสให้ทีมอย่างไม่รู้จบ

ผลงานของเขาในฤดูกาล 2011/12 เป็นปีทองของรูนีย์ที่แสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบ ด้วยผลงาน 27 ประตู และ 14 แอสซิสต์ สถิติที่ยืนยันว่าเขาคือกองหน้าที่ครบเครื่องที่สุดในพรีเมียร์ลีก! โดยจังหวะแอสซิสต์ให้โรนัลโด้ในเกมดับเบิ้ลแชมป์ 2008 ไม่ใช่แค่การจ่ายบอลธรรมดา แต่เป็นการแสดงวิสัยทัศน์และความเสียสละเพื่อทีม ยืนยันว่าเขาคือผู้เล่นที่ยึดประโยชน์ของทีมเป็นที่ตั้ง! และจังหวะ”ลูกยาวข้ามสนาม”สุดพิเศษให้ร็อบบิน ฟาน เพอร์ซี ในเกมกับแอสตันวิลล่า ไม่ใช่แค่การจ่ายบอลธรรมดา แต่เป็นศิลปะบนสนามที่ทำให้โลกฟุตบอลต้องจดจำ!

หลายคนบอกว่ารูนีย์มี “ตาเลเซอร์” ซ่อนอยู่ในหัว เพราะไม่ว่าสนามจะแน่นแค่ไหน เขาก็มองเห็นช่องทางการจ่ายบอลที่คนอื่นมองไม่เห็น จ่ายบอลทะลุทะลวงแนวรับได้อย่างแม่นยำจนทำเอาแฟนบอลต้องอ้าปากค้าง!

ลิโอเนล เมสซี – อัจฉริยะลูกหนังที่สร้างสรรค์โอกาสได้มากที่สุด

ในยุคของฟุตบอลสมัยใหม่ ไม่มีใครทำแอสซิสต์ได้มากเท่ากับ ลิโอเนล เมสซี ไม่ว่าเขาจะเล่นในตำแหน่งกองหน้า ตัวรุก หรือแม้แต่ถอยต่ำมาเล่นกลางสนาม เมสซีก็ยังสามารถจ่ายบอลให้เพื่อนยิงได้อย่างเหลือเชื่อ ด้วยวิสัยทัศน์ที่เฉียบขาดและเทคนิคอันไร้ที่ติ เมสซีเป็นเจ้าของสถิติแอสซิสต์สูงสุดในลาลีกา และยังเป็นนักเตะที่ทำแอสซิสต์ได้มากที่สุดในฟุตบอลโลกอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเปิดบอลแบบแม่นยำ หรือการเลี้ยงบอลหลบแนวรับแล้วไหลให้เพื่อนยิง เมสซีพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ากองหน้าที่ดีไม่ใช่แค่ต้องยิงเก่ง แต่ต้องทำให้เพื่อนร่วมทีมเล่นง่ายขึ้นด้วย

ลิโอเนล เมสซี – ราชันย์ผู้ครองบัลลังก์ทั้งการยิงและจ่ายแบบไร้คู่แข่ง!

“เมสซี” ไม่ใช่เพียงแค่จอมถล่มประตูที่ยอดเยี่ยม แต่เขาคือ “ราชันย์แอสซิสต์” ผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการลูกหนัง! ในลาลีกา เขาสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการทำสถิติแอสซิสต์สูงสุดตลอดกาล และในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 เขายังแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์อันเฉียบคมด้วยการจ่ายบอลสุดพิเศษให้อัลวาเรซทำประตูชัยในรอบรองชนะเลิศ ด้วยจังหวะการจ่ายที่แม้แต่นักเตะระดับโลกคนอื่นก็ยังทำตามไม่ได้!

เปิดมาฤดูกาล 2019/20 เมสซีแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมด้วยผลงาน 25 ประตู และ 21 แอสซิสต์ ในลาลีกา สถิติที่แสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบทั้งการจบสกอร์และการสร้างโอกาส! ในนัดชิงโกปาเดลเรย์ 2015 เขาสร้างความประทับใจด้วยการจ่ายบอลหลังเท้าสุดหรูให้เนย์มาร์ทำประตูปิดเกม จังหวะที่ผสมผสานระหว่างความชาญฉลาดและความสร้างสรรค์ได้อย่างลงตัว!

“การจ่ายทะลุแนวรับ” ให้เปดรี้ในเกมเอล กลาซิโกกับเรอัลมาดริด คือบทพิสูจน์ของศิลปะบนสนามฟุตบอลที่ต้องนำมาศึกษาและชื่นชมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะมันไม่ใช่แค่การจ่ายบอล แต่เป็นการอ่านเกมและการตัดสินใจที่เฉียบขาด


กองหน้าทำแอสซิสต์สูงสุด ในฟุตบอลยุคปัจจุบัน

กองหน้าทำแอสซิสต์สูงสุด ในฟุตบอลยุคปัจจุบัน

กองหน้ายุคใหม่ต้องเก่งกว่าแค่ยิงประตู พวกเขาต้องเป็นทั้งผู้สร้างสรรค์และจบสกอร์ในคนเดียวกัน วันนี้ผมจมาแชร์รื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับวิวัฒนาการของกองหน้าในโลกลูกหนังยุคปัจจุบัน ที่ไม่ได้มีหน้าที่แค่ยืนรอจบสกอร์อีกต่อไป แต่ต้องเป็นทั้งผู้สร้างโอกาสและผู้จบสกอร์ในคนเดียวกัน ถ้าคิดว่าแค่ยิงเก่งจะเป็นกองหน้าชั้นยอดได้ คงต้องคิดใหม่แล้วล่ะครับ!

คาริม เบนเซมา – จากดาวยิงสู่สมองเกมรุกแห่งเบอร์นาเบว

“เบนเซมา” ในยุคหลังการจากไปของโรนัลโด้ คือตัวอย่างอันน่าทึ่งของกองหน้าที่ “ปรับตัวเพื่อทีม” แบบสุดขั้ว! จากที่เคยเป็นเพียงตัวยิงตัวจบสกอร์ เขาได้พัฒนาตัวเองด้วยการถอยลงมาเล่นในตำแหน่ง False 9 จนกลายเป็น “ผู้คุมจังหวะเกมรุก” คนสำคัญของเรอัล มาดริด ผู้สร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีมอย่างไม่มีที่ติ!

ด้วยวิสัยทัศน์แบบ “ตาเลเซอร์” – การจ่ายบอลทะลุช่องให้วินิซิอุสยิงในนัดชิงยูเอฟา ซูเปอร์ คัพ 2022 เป็นจังหวะที่แสดงให้เห็นถึงไหวพริบและความเฉียบคมในการอ่านเกม จนคู่แข่งถึงกับต้องปรบมือให้กับความยอดเยี่ยมของเขา!

  • ฤดูกาล 2021/22 อันน่าจดจำ – ผลงานสุดยอดด้วยการยิง 27 ประตู พร้อมทำ 12 แอสซิสต์ นำทัพราชันชุดขาวคว้าแชมป์ทั้งลาลีกาและยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับสโมสร!
  • จ่ายสั้นยาวที่สมบูรณ์แบบ – ความหลากหลายในการสร้างสรรค์โอกาส ไม่ว่าจะเป็นลูกสปอนเซอร์สุดแม่นยำให้โรดริโก หรือการจ่ายบอลยาวทะลุแนวรับให้วาลเวิร์ดได้โขกเข้าประตู… เขาแสดงให้เห็นว่าไม่มีรูปแบบการจ่ายใดที่เขาทำไม่ได้!

ผมเคยบอกว่า… ถ้าเบนเซมาผันตัวไปเล่นหมากรุก เขาคงเป็นนักวางแผนที่ “กินเบี้ยทั้งกระดานแถมยังแจกจ่ายตำแหน่งให้ตัวอื่นทำแต้มด้วย” แน่นอน!

แฮร์รี เคน จากดาวยิงสู่ผู้สร้างสรรค์เกมรุก

ใครจะเชื่อว่า เคน ที่เราเคยรู้จักในฐานะ กองหน้าทำแอสซิสต์สูงสุด จอมถล่มประตู จะผันตัวมาเป็นผู้เล่นที่จ่ายบอลได้เฉียบขาดขนาดนี้! จากความสามารถในการยิงไกลและโหม่งที่ใครๆ ก็รู้จัก วันนี้เขากลายเป็นตัวเชื่อมเกมที่ทำให้แนวรุกบาเยิร์นน่ากลัวขึ้นไปอีก

ดูสถิติสิครับ แค่ 10 เกมแรกในบุนเดสลีกาฤดูกาลนี้ เขาก็จ่ายไปแล้ว 8 แอสซิสต์ ไม่ธรรมดาจริงๆ อีกทั้งจังหวะจ่ายย้อนให้ซานเชซยิงในเกมกับไลป์ซิกนี่ สุดยอดมาก ดูกี่รอบก็ยังทึ่ง! แถมยังชอบถอยลงมาช่วยเล่นเกมตรงกลาง แล้วจ่ายบอลทะลุช่องให้ซาก้ากับกนาบรี่วิ่งเข้าไปทำประตู กองหลังคู่แข่งเจอแบบนี้เป็นต้องปวดหัว

และคุณรู้มั้ยว่า เคนเป็นกองหน้าคนแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ทำแอสซิสต์เกิน 10 ครั้งติดต่อกันถึง 3 ซีซั่น เก่งแบบครบเครื่องจริงๆ!

โธมัส มุลเลอร์ – จอมอัจฉริยะผู้เชี่ยวชาญการอ่านเกมแห่งบาเยิร์น

ฉายา “Raumdeuter” (นักล่าพื้นที่) ของมุลเลอร์ ไม่ได้มาลอยๆนะครับ เขาคือกองหน้าที่มีสมองเป็นเลิศ “อ่านเกมได้แม่นยำทุกจังหวะ” มีสัญชาตญาณในการตัดสินใจที่เฉียบคม รู้ว่าเมื่อไหร่ควรจบสกอร์เอง และเมื่อไหร่ควรสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีม

  • สถิติแอสซิสต์ในบุนเดสลีกาที่น่าทึ่ง – สร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีมมากกว่า 150 ครั้ง นับตั้งแต่ก้าวแรกในสนาม ตัวเลขที่พิสูจน์ความยอดเยี่ยมของเขา!
  • สไตล์การเล่นที่พริ้วไหว– เขามีความสามารถพิเศษในการแทรกตัวเข้าพื้นที่อันตราย หลบหลีกแนวรับคู่แข่งอย่างแยบยล ก่อนจะจ่ายบอลอย่างเฉียบขาดให้เลวานดอฟสกี้หรือกนาบรี่จบสกอร์อย่างเด็ดขาด!
  • ฤดูกาล 2019/20 อันรุ่งโรจน์ – ผลงานสุดยอดด้วย 14 แอสซิสต์ในบุนเดสลีกา นำพาบาเยิร์นสู่ความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ทุกรายการ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ผมเดานะ มุลเลอร์คงมี “เรดาร์อัจฉริยะในสมอง” เพราะเขามองเห็นช่องว่างในเกมได้เร็วกว่าใครๆ ราวกับมีตาทิพย์!

เคล็ดลับครองบอลให้คุ้มค่า เริ่มต้นที่แนวรุก!

รู้มั้ย? การครองบอลไม่ได้แปลว่าต้องเล่นวนไปวนมาแบบไร้จุดหมายนะ ถ้าอยากให้การสถิติครองบอลสูงสุดมีประโยชน์จริงๆ ต้องมีกองหน้าที่ฉลาดพอจะสร้างโอกาสทำประตูได้ด้วย ลองดูอย่าง เบนเซมา เคน หรือ มุลเลอร์สิ พวกเขาไม่ใช่แค่ยืนรอยิง แต่ยังช่วยทีมสร้างเกมรุกได้ลื่นไหลสุดๆ นี่แหละที่พิสูจน์ให้เห็นว่า กองหน้ายุคนี้ต้องเก่งทั้ง “ล่า” และ “สร้าง” ฟุตบอลสมัยนี้เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ กองหน้าเก่งๆ ไม่ได้วัดกันแค่ยิงได้กี่ลูก แต่ต้องช่วยให้เพื่อนในทีมเล่นง่ายขึ้นด้วย ถ้าใครทำได้ทั้งยิงเองและช่วยเพื่อนยิง นั่นแหละ คือกองหน้าที่ทีมต้องการ! เพราะฟุตบอลยุคนี้ไม่ได้ต้องการแค่ “มือปืน” แต่ต้องการ “สมองเพชร” ในแดนหน้าด้วย


ดาวรุ่งพรสวรรค์ที่กำลังจะมาแรงในฐานะตัวจ่ายคนใหม่!

ดาวรุ่งพรสวรรค์ที่กำลังจะมาแรงในฐานะตัวจ่ายคนใหม่!

ใครว่ากองหน้าต้องเก่งแค่ยิงประตู? เดี๋ยวนี้เขาไม่เอากันแล้ว! ฟุตบอลยุคนี้ต้องการนักเตะที่ “ทำได้ทุกอย่าง” ทั้งยิงเอง จ่ายเองได้หมด แถมยังต้องช่วยทีมสร้างเกมด้วย ซึ่งตอนนี้มีดาวรุ่งหลายคนที่กำลังโชว์ฟอร์มแจ่มในบทบาทนี้ ทำเอาแฟนบอลตาลุกวาว!

กองหน้าที่จ่ายบอลเก่งต้องผ่านแนวรับแข็งแกร่ง

การจะเป็นกองหน้าที่แอสซิสต์เก่ง ไม่ใช่แค่เรื่องของความสามารถในการจ่ายบอลเท่านั้น แต่ยังต้องเจอกับแนวรับแข็งแกร่งที่สุดระดับโลกที่พยายามปิดพื้นที่ไม่ให้พวกเขาเล่นง่าย นักเตะอย่าง เบลลิงแฮม, วินิซิอุส และ ฮาลันด์ ต้องเรียนรู้วิธีเจาะแนวรับที่แข็งแกร่งที่สุด และสร้างโอกาสให้ทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ กองหน้าสมัยใหม่ต้อง “ครบเครื่อง” ทั้งยิง+จ่าย! ไม่ว่าคุณจะเป็นเบลลิงแฮมที่คุมจังหวะเกม วินิซิอุสที่ฉีกแนวรับ หรือฮาลันด์ที่กำลังพัฒนาการเล่นร่วมกับเพื่อน… สิ่งที่ต้องมีคือ “วิสัยทัศน์” และ “ความเสียสละ” เพื่อทีม!

จู๊ด เบลลิงแฮม – มิดฟิลด์สายพลิ้วที่จ่ายบอลแม่นเว่อร์!

“เบลลิงแฮม” หนุ่มน้อยคนนี้ไม่ใช่แค่กองกลางธรรมดา… เขาคือ “ตัวปั้นเกม” ที่เล่นได้ทุกตำแหน่ง! จากดอร์ทมุนด์สู่เรอัล มาดริด เขาพิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่แค่ยิงประตูเก่ง แต่ยังจ่ายบอลได้แบบ “ตาเลเซอร์”! ในฤดูกาลแรกกับราชันชุดขาว – ยิง 10 ประตู + แอสซิสต์ 6 ครั้ง แบบไม่ทันตั้งตัว! อีกทั้ง”การจ่ายทะลุช่อง” ให้โรดริโกยิงในเกมกับบาร์เซโลน่า คือตัวอย่างการจ่ายที่ต้องดูซ้ำ! และทีเด็ด”การเคลื่อนที่แบบไร้รูปแบบ” – เขาลากบอลจากแดนตัวเองขึ้นไปจ่ายให้เพื่อนยิงแบบเนียนๆ! ผมว่า ถ้าเบลลิงแฮมเล่นหมากรุก เขาคงเป็นนักวางแผนที่ “กินเบี้ยทั้งกระดาน” แน่นอน!

วินิซิอุส จูเนียร์ – ปีกจรวดพุ่งทะยาน

“วินิ” คือตัวอย่างของปีกที่ “วิ่งเร็ว+จ่ายแม่น”! ตอนแรกที่มาเรอัล มาดริด เขาถูกมองว่าเลี้ยงบอลเก่งแต่จบสกอร์ไม่ค่อยได้… แต่ตอนนี้เขาพัฒนาไปอีกขั้น! โดยผลงานในฤดูกาล 2022/23 – ทำ 10 แอสซิสต์ในลาลีกา พร้อมยิง 15 ประตู! บวกกับการเลี้ยงบอลฉีกแนวรับ” แล้วจ่ายให้เบนเซมายิง คือโมเมนต์ที่โลกต้องจารึก และการเคลื่อนที่แบบฉลาด” – เขาหลบแนวรับแล้วเปิดบอลให้เพื่อนยิงแบบโล่งๆ! เรียกได้ว่า วินิซิอุสคือ “ผู้สร้างโอกาสสูงสุด” ในทีมเรอัล มาดริด ฤดูกาลที่ผ่านมา!

เออร์ลิง ฮาลันด์ – ไอ้หนูพลังไดโนเสาร์ที่กำลังหัดเล่นเป็นทีม

“ฮาลันด์” ไม่ใช่แค่จอมถล่มประตูอีกต่อไป! ตอนนี้เขากำลังพัฒนาเป็นกองหน้าที่ “ยิงได้ จ่ายเป็น” ภายใต้การคุมทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอลา! ผลงานาฤดูกาล 2023/24 เขาทำ 5 แอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีก พร้อมยิง 14 ประตู อีกทั้งการถอยลงมาต่อบอล เขาลงมาเล่นเป็น False 9 แล้วจ่ายทะลุช่องให้ฟodenยิงแบบจี๊ดๆ! อีกทั้งกุนซือดึงตัวประกบ เปิดพื้นที่ให้กรีลิชและเบอร์นาร์โด ซิลวาแทรกขึ้นไปยิง! แค่คิดเล่น ๆ ว่าถ้าฮาลันด์เล่นเกม RPG เขาคงเป็นตัวละครที่ “อัพสกิลครบทุกด้าน” แน่นอน!


กองหน้ายุคใหม่ – จากมือสังหารในกรอบเขตโทษ สู่ศิลปินผู้สร้างสรรค์เกมรุก

กองหน้ายุคใหม่ - จากมือสังหารในกรอบเขตโทษ สู่ศิลปินผู้สร้างสรรค์เกมรุก

นึกถึงกองหน้าสมัยก่อน เราคงเห็นภาพนักเตะร่างยักษ์ที่ยืนรออยู่หน้าประตู รอจังหวะโขกบอล หรือวอลเลย์ตาข่ายสะบัด แต่โลกฟุตบอลวันนี้ไม่ใช่แบบนั้นแล้ว! กองหน้าสมัยใหม่ต้องทำได้มากกว่าแค่ยิงประตู พวกเขาต้องมีทักษะครบเครื่อง ทั้งเล่นเชื่อมเกม ถอยลงมาช่วยทีม ส่งบอลทะลุช่อง และล่อให้กองหลังเสียจังหวะ เพื่อให้เพื่อนร่วมทีมมีพื้นที่ทำประตู

จากหน้าเป้าสู่ False 9 – เมื่อกองหน้าต้องเก่งกว่าแค่ซัดให้ตาข่ายสะบัด

ย้อนไปสมัยก่อน เรามีกองหน้าเบอร์ 9 แบบดั้งเดิม อย่างพี่รุด ฟาน นิสเตลรอย, บาติสตูต้า หรือ เชียเรอร์ พวกเขาเป็นมือสังหารในกรอบเขตโทษ รอจังหวะเดียวก็จบสกอร์ได้ แต่พอเกมพัฒนา ความเร็วสูงขึ้น แนวรับแน่นขึ้น กองหน้าเลยต้องปรับตัว จากที่เคยแค่รอจบ ต้องมาช่วยทีมสร้างเกมด้วย

ระบบ False 9 นี่แหละ ที่เปลี่ยนบทบาทกองหน้าไปเลย ไม่ใช่แค่ยืนรอในกรอบ แต่ต้องถอยลงมาช่วยต่อเกม สร้างโอกาสให้เพื่อน ดูอย่างเมสซีตอนอยู่บาร์ซ่า, ต็อตติสมัยอยู่โรม่า หรือฟีร์มิโน่ที่หงส์แดง นี่แหละตัวอย่างของกองหน้า False 9 ตัวจริง

แท็กติกนี้ทำให้ทีมครองบอลได้ดีขึ้น เพราะพอกองหน้าถอยลงมา กองหลังฝั่งตรงข้ามก็งง จะตามมาประกบดีไหม หรือจะยืนรักษาพื้นที่ดี สุดท้ายก็เปิดช่องให้ปีกกับมิดฟิลด์ตัวรุกวิ่งเติมเข้าไปยิงได้สบาย

กองหน้าสมัยใหม่ – จาก “เพชฌฆาต” สู่ “ตัวสร้างเกม”

นอกจาก False 9 แล้ว กองหน้าสมัยใหม่หลายคนยังถูกปรับบทบาทให้เป็นนักเตะที่ต้องเล่นได้ทุกมิติ ไม่ใช่แค่รอบอลเหมือนเมื่อก่อน แต่ต้อง วิ่งหาพื้นที่, ถอยต่ำช่วยเซ็ตเกม, เปิดบอลให้เพื่อน และดึงตัวประกบ เพื่อช่วยให้เกมรุกมีมิติมากขึ้น

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ แฮร์รี เคน ที่จากเดิมเป็นกองหน้าสไตล์โป้งเดียวจบ ได้พัฒนามาเป็นเพลย์เมกเกอร์ที่สามารถลงมาต่ำ เปิดบอลให้เพื่อน และทำแอสซิสต์ได้มากพอๆ กับการยิงประตู สถิติแอสซิสต์ของเคนในช่วงหลังพุ่งสูงขึ้น และแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นกองหน้าที่ครบเครื่องมากกว่าที่เคยเป็น

และอีกตัวอย่างที่ดีคือ คาริม เบนเซมา ซึ่งในช่วงที่เล่นร่วมกับ คริสเตียโน โรนัลโด้ เขาต้องปรับบทบาทให้เป็นกองหน้าที่ช่วยสนับสนุน มากกว่าที่จะเป็นตัวจบสกอร์เอง การเคลื่อนที่ของเขาทำให้โรนัลโด้มีพื้นที่เล่นมากขึ้น และเมื่อโรนัลโด้ย้ายออกไป เบนเซมาก็สามารถปรับตัวเป็นตัวจบสกอร์หลักได้ทันที

กองหน้ายุคใหม่ในทีมชาติ – จากนักล่าประตูสู่ศิลปินในสนาม

ลองนึกย้อนไปสมัยก่อน ทีมชาติต่างๆ มักจะมี กองหน้าเบอร์ 9 แบบดั้งเดิม พวก โรนัลโด้ R9 ที่วิ่งฉลุยทะลุแนวรับบราซิล, โคลเซ่ ที่เป็นเครื่องจักรทำประตูของเยอรมนี หรือ ดร็อกบา ที่ยืนเป็นหอกทรงพลังให้ไอวอรี่โคสต์ พวกเขาเน้นแต่เรื่องเดียว – ยิงให้ตาข่ายสั่น! แต่พอมาถึงยุคนี้ ทีมชาติอย่าง สเปน ฝรั่งเศส เยอรมนี เริ่มหันมาใช้กองหน้าแบบ False 9 หรือ Hybrid Striker ที่เล่นได้หลากหลาย ไม่ใช่แค่ยืนรอจบ แต่ต้องลงมาช่วยทีมสร้างเกม ดูได้จากวิวัฒนาการเสื้อทีมชาติที่เปลี่ยนไป อย่างสเปนยุคติ๊กกี้-ตาก้า ที่ชุดแข่งดีไซน์มาให้ดูลื่นไหล สะท้อนสไตล์การเล่นที่เน้นผ่านบอลฉับไว

กองหน้ายุคนี้ไม่ใช่แค่ “ยิงอย่างเดียว” แล้วนะครับพี่น้อง

เอาจริงๆ นะครับ ฟุตบอลสมัยนี้มันเปลี่ยนไปเยอะมาก กองหน้าไม่ใช่แค่ยืนรอจบสกอร์อย่างเดียวแล้ว ต้องเล่นได้ครบเครื่อง ทั้งลงมาฉีกเกม หลอกล่อคู่ต่อสู้ เปิดช่องให้เพื่อน แถมบางทีก็ต้องวิ่งไล่บีบตั้งแต่แดนบน ดูอย่างพวก เมสซี่ เบนเซม่า เคน ฮาลันด์ เขาทำได้หมด ไม่ใช่แค่ยืนรอจบอย่างเดียว ผมว่าต่อไปเราจะเห็นกองหน้าแบบนี้เยอะขึ้นเรื่อยๆ ครับ เพราะมันช่วยทีมได้เยอะกว่าเดิมเยอะ


กองหน้าที่ดีต้องครบเครื่อง… ไม่ใช่แค่ยิง แต่ต้องเป็นผู้สร้างเกม ผมขอปิดท้ายบทความนี้ด้วยเรื่องสำคัญที่ต้องตะโกนบอกต่อ ในยุคนี้ กองหน้าที่เก่งจริงต้องทำได้มากกว่ายิงประตู ถ้าย้อนไปสมัยก่อน เราอาจชมกองหน้าที่ยิงประตูสวยๆ อย่างเดียว… แต่ยุคนี้ฟุตบอลเปลี่ยนแล้ว!กองหน้าที่ดีต้องเป็นทั้ง นักยิง และ นักสร้าง ไปพร้อมกัน! ตัวอย่างชัดเจน คือ เมสซี ที่ทั้งยิงทั้งจ่ายจนพาอาร์เจนตินาคว้าแชมป์โลก หรือ แฮร์รี เคน ที่ถอยมารับบอลลึกแล้วปั้นเกมให้ทีมบาเยิร์นบุกถล่มคู่แข่ง ทำไมถึงเป็นแบบนี้? เพราะฟุตบอลสมัยใหม่เร็วและดุเดือดขึ้น ทีมที่หวังพึ่งแค่ “กองหน้าตัวเป้า” อาจสู้ไม่ได้! แต่ถ้ามีกองหน้าที่ “ยิงปัง จ่ายแม่น” แบบเบนเซมาหรือรูนีย์… ทีมนั้นจะมี “มิติการบุก” ที่หลากหลาย และคู่แข่งเดาเกมไม่ถูก! ก่อนจากกันวันนี้ ผมขอส่งท้ายว่าการเป็นกองหน้าที่ดี… ไม่ใช่แค่เรื่องยิงประตู แต่คือการรู้ว่า เมื่อไหร่ควรยิง เมื่อไหร่ควรส่งต่อเพื่อให้ทีมชนะ เพราะฟุตบอลคือเกมของทีม และกองหน้าที่สร้างเกมได้ต้องเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนให้ทีมเต้นเป็นจังหวะ!


คำถามที่พบบ่อย

1. ทำไมกองหน้าที่ทำแอสซิสต์ได้ดีถึงสำคัญต่อทีม?

กองหน้าที่สามารถทำแอสซิสต์ได้ดี ช่วยให้ทีมมีเกมรุกที่หลากหลายและคาดเดาได้ยากขึ้น ไม่ใช่แค่พึ่งพาการยิงประตูเท่านั้น แต่ยังสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีม การมีแนวรุกที่จ่ายบอลแม่นยำ และมีเซนส์ในการเล่นเกมรุก จะช่วยให้ทีมสามารถเจาะแนวรับคู่แข่งได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

2. ใครคือนักเตะที่ทำแอสซิสต์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล?

ถ้านับรวมทุกการแข่งขัน ลิโอเนล เมสซี และคริสเตียโน โรนัลโด้ คือสองนักเตะที่ทำแอสซิสต์ได้มากที่สุดในยุคปัจจุบัน ส่วนในพรีเมียร์ลีก เธียร์รี อองรี ถือเป็นกองหน้าที่สร้างแอสซิสต์ได้สูงสุดตลอดกาล นอกจากนี้ เวย์น รูนีย์ และโธมัส มุลเลอร์ ก็เป็นกองหน้าสไตล์สร้างสรรค์เกมที่มีสถิติแอสซิสต์สูงมากเช่นกัน

3. กองหน้าที่ดีควรมีคุณสมบัติอะไรบ้าง นอกจากการยิงประตู?

กองหน้าที่ดีในยุคปัจจุบันต้องมีความครบเครื่อง นอกจากการจบสกอร์แล้ว ต้องสามารถเชื่อมเกม, จ่ายบอลแม่นยำ, อ่านจังหวะเกมได้ดี และมีความเข้าใจในการเคลื่อนที่ของเพื่อนร่วมทีม นักเตะแบบนี้จะช่วยให้เกมรุกของทีมลื่นไหล และไม่ต้องพึ่งพากองกลางเพียงอย่างเดียวในการสร้างสรรค์โอกาส

4. กองหน้ารุ่นใหม่คนไหนที่มีศักยภาพก้าวขึ้นมาเป็นจอมแอสซิสต์?

นักเตะรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองในเรื่องการทำแอสซิสต์ ได้แก่ จู๊ด เบลลิงแฮม ที่แม้เล่นกองกลางแต่มีเซนส์ในการจ่ายบอลให้กองหน้า, วินิซิอุส จูเนียร์ ที่พัฒนาเกมการจ่ายบอลของตัวเองจนกลายเป็นจอมแอสซิสต์ของเรอัล มาดริด และ เออร์ลิง ฮาลันด์ ที่แม้ขึ้นชื่อเรื่องการทำประตู แต่เริ่มเพิ่มมิติการเล่นด้วยการเชื่อมเกมและจ่ายบอลให้เพื่อนมากขึ้น นักเตะเหล่านี้แสดงให้เห็นว่ากองหน้าในอนาคตต้องทำได้มากกว่าการเป็นตัวจบสกอร์